สวิงดารา เสน่ห์สตาร์-เสน่ห์กอล์ฟ สองเสน่ห์ที่น่าค้นหา

BY N ON October Sun, 2021 21:51

สวิงดารา

เสน่ห์สตาร์-เสน่ห์กอล์ฟ

สองเสน่ห์ที่น่าค้นหา

 

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาชื่อของ “ปั้นจั่น” ปรมะ อิ่มอโนทัย และ “โอม” อัชชา นามปาน ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในวงการกอล์ฟเมืองไทยจากเดิมที่หลายคนอาจจะคุ้นชินกับการเห็นทั้งสองบนสื่อวงการบันเทิง

 

นั่นเป็นเพราะทั้งสองกำลังหลงใหลในกีฬากอล์ฟ ซึ่งเป็นกีฬาที่พวกเขาบอกว่า เสน่ห์ที่เจอแล้วหยุดไม่ได้ ท้าทายกับการเอาชนะใจตัวเอง เพราะต้องใช้ความอดทนเป็นเลิศทั้งในช่วงระยะเวลาการฝึกซ้อมและแข่งขันที่ยาวนาน

 

“เสน่ห์ของกีฬากอล์ฟก็คือการเอาชนะใจตนเองให้ได้เพราะกอล์ฟเป็นกีฬาที่ใช้เวลาในการเล่นค่อนข้างนาน ทำให้เกิดปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงได้มากมาย”​ ปั้นจั่น กล่าว

 

ปั้นจั่น มองว่าปัญหาที่นักกีฬาต้องเจอส่วนใหญ่ก็คือเรื่องของจิตใจและนั่นคือเสน่ห์ที่หลายคนหลงรักกีฬากอล์ฟ เพราะจิตใจของตัวเราเองนั้นเอาชนะยากกว่าอะไรทั้งสิ้น

 

ปั้นจั่น เล่าว่า เริ่มเล่นกีฬาตั้งแต่เด็กโดยได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อและตนเองก็เห็นนักกีฬาไทยออกไปสร้างชื่อระดับโลก แน่นอนตัวเขาก็อยากทำให้ได้แบบนั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ สำหรับตัวเขาขอแค่ได้ลองเดินตามเส้นทางนักกีฬา ได้ฝึกซ้อมอดทน และค่อยๆ พัฒนาไป ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว

“สำหรับผู้ที่รักในกีฬาแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้วครับ”

 

ส่วนโอม บอกว่า ตนเองได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อซึ่งเป็นโค้ชคนแรกและก็เคยเล่นกอล์ฟเป็นตัวแทนในระดับจังหวัดมาแล้ว แต่หลังจากเข้าวงการบันเทิงทำให้ห่างหายจากวงการกอล์ฟกว่า 10 ปี ก่อนจะกลับมาเริ่มอีกครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการจัดการเรื่องเวลา แต่ว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่เล่นแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ

 

“กอล์ฟเป็นกีฬาที่ตีแล้วหยุดไม่ได้ มันยากตรงนี้ละ ต้องซ้อม เข้าสนามไดร์ฟ ปรับแต่งนั่นนี่ไปเรื่อย มันมีของให้เล่นเยอะ มีก้านมีไม้ มีนั่นมีนี่อีกเยอะ”  

 

โอม ยอมรับว่าการที่วงการกอล์ฟพัฒนาขึ้นอย่างมากจากที่เคยรู้จัก และคนในวงการก็เริ่มเล่นมากขึ้น ทำให้ตนเองก็กลับมาสนใจและอยากสนุกกับกีฬาชนิดนี้อีกครั้ง ซึ่งหลังจากเล่นได้สองแมตช์แล้ว ก็รู้สึกสนุกดี ซึ่งนอกเหนือจากงานในวงการบันเทิง เชื่อว่าตนเองสามารถทำทั้งสองอย่างได้ แม้อาจจะไม่ดีมาก แต่ก็พยายามให้มันดีที่สุด ตามสภาพร่างกายและเวลาที่พอจะมี

 

“บางทีขี้เกียจแต่ก็ต้องซ้อม เลือดนักสู้นักกีฬาอยู่ในร่างกายพอ กลับมาเล่นแล้วก็อยากทำให้มันดี  พยายามจะหาเวลาว่างไปซ้อมทุกๆ ครั้งที่มีโอกาสครับ”

 

ในสัปดาห์นี้ ที่สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ  ปั้นจั่นและโอม ได้รับเชิญให้เข้าร่วมแข่งขัน ไทยแลนด์ โอเพ่น  รายการกอล์ฟอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 49 แล้ว ทั้งสองบอกว่าดีใจที่ได้มีโอกาสมาสัมผัสรายการที่มีมนต์ขลังที่สุดของประเทศ

“ดีใจแทนนักกอล์ฟทุกๆ ท่านที่เข้ามาแข่งรายการนี้ เป็นเกียรติกับผมที่ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มาเล่น เป็นอีกแมตช์ที่ควรเข้าสัมผัสทั้งในฐานะผู้เล่นและผู้ชม สภาพสนามดีมาก กรีนเร็ว รัฟเหนียวและแน่น สนามก็ยาว แม้จะทำสกอร์ไม่ได้ตามที่ต้องการ แต่โดยรวมถือว่าพอใจ ต้องมาเจอสภาพการแข่งขันจริงๆ บ่อยถึงจะดีขึ้น ครั้งที่สองต่อจากแมตช์บุญชู​ เรืองกิจ แชมเปี้ยนชิพที่ผมแข่ง ก็ตื่นเต้นน้อยลงครับ” โอม กล่าว

 

ความรู้สึกดังกล่าว ไม่ต่างจากปั้นจั่นที่บอกว่าเป็นทั้งความดีใจและภูมิใจที่ได้เล่นในแมตช์นี้เพราะเป็นแมตช์อาชีพที่เก่าแก่เเละมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด ทุกคนก็รอคอยจะได้เล่นแมตช์นี้ ส่วนในเรื่องการเล่นนั้น สำหรับตนเองแล้วปีนี้เป็นปีของการหาประสบการณ์ ซี่งก็เริ่มได้รู้ความจริงว่าในแมตช์ระดับอาชีพนั้น ตนเองอยู่ในจุดไหน และต้องฝึกซ้อมหาประสบการณ์เพิ่มเติมอีกมากมาย รู้สึกโชคดีและดีใจที่ออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ได้ให้โอกาสเหล่านี้

 

“ผมได้มีโอกาสจากทางรายการและผู้สนับสนุน นี่คือโอกาสที่ดีในการหาประสบการณ์ในแมตช์อาชีพที่หาไม่ได้ง่ายๆ”

 

สำหรับกอล์ฟไทยแลนด์โอเพ่น ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยนั้น ปีนี้จัดอยู่ใน

โปรแกรมการแข่งขันของออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์เป็นครั้งแรกและมีเงินรางวัลให้ชิงสูงถึง 10 ล้านบาท โดยแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท พร้อมถ้วยพระราชทานรัชกาลที่ 9 และคะแนนสะสมโลก 5 คะแนน

 

ปั้นจั่น ยังบอกอีกว่า หลังได้ลงเล่นรายการอาชีพ 3 รายการก็ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น เริ่มตั้งแต่แมตช์แรกบุญชู เรืองกิจ แชมเปี้ยนชิพ ที่ในคืนก่อนลงสนามรอบแรกนอนไม่หลับเลย หายใจแทบไม่ออก  ประสบการณ์การเป็นนักแสดงที่จะใช้มาควบคุมจิตใจนั้นทำไม่ได้เลย แมตช์ที่สองที่ลากูน่า ภูเก็ต คิดว่าจะจัดการได้ แต่ก็เจอฝนตกอีกเล่นยากกว่าเดิมเพราะตนเองก็ไม่ได้เตรียมตัวในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าได้ประสบการณ์ในการเล่นสภาพสนามแบบนั้น

 

“พอมาแมตช์นี้ ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไรแล้ว ทุกอย่างจัดการได้ดี แต่ก็มีบางจังหวะที่เหนือการควบคุม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่ไม่มากพอ โฟกัสจุดหนึ่งก็จะลืมอีกจุดหนึ่ง สังเกตดูนักกอล์ฟอื่นๆ พอไม่ตื่นสนามก็จะทำงานในรายละเอียดมากขึ้น ผมมัวกังวลแต่เป้าหมาย ทำให้ลืมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ”

 

นอกจากนั้น  สิ่งหนึ่งที่ปั้นจั่นพยายามแต่ยังทำไม่ได้ ก็คือการลืมช็อตแย่ๆ แม้ว่าโค้ชจะแนะนำให้เล่นตามที่ซ้อมหรือให้อยู่กับปัจจุบัน เล่นช็อตต่อช็อตก็ตาม แต่เชื่อว่าประสบการณ์จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

“ตอนซ้อมทำดีมาก แต่พอเล่นจริง ต่างกันสิ้นเชิง มันทำให้เรารู้ว่าอยู่ในจุดไหน เป็นเรื่องของประสบการณ์ วันที่สวิงดีสุดกลับไม่ได้สกอร์ แต่บางวันสวิงไม่เข้าเลย กลับได้สกอร์ดีสุด นี่คือกีฬากอล์ฟที่ผกผันได้ตลอดเวลา ลูกที่ดีสุดบางทีก็ไม่ได้กลิ้งลงหลุม”

 

อาการดังกล่าวก็ไม่ต่างจากโอมนักเพราะเวลาตีช็อตแย่ๆ ก็มักจะคิดถึงอยู่เสมอๆ เป็นเรื่องที่ยังแก้ไม่ได้

“มีอาการเช่นนั้นเหมือนกัน แก้ยังไม่ได้ แม้จะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ว่าภาพดังกล่าวก็ยังติดตาอยู่ดี เวลาเล่นละครก็เป็นเหมือนกันครับ เราอยากเล่นซีนนี้ให้มันดี แต่เราก็งงว่าทำไมน้ำตามันไม่ไหล กอล์ฟก็เหมือนกัน ก็พยายามเคลียร์ความคิดแบบนี้ ถือว่าเป็นการฝึกตัวเองเพื่อก้าวข้ามไปอีกขึ้นหนึ่งเพื่อจะได้ไม่ต้องใส่ใจกับสิ่งที่ผ่านมา”

 

อย่างไรก็ตาม โอมแนะนำว่าวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากความคิดนี้ได้ก็คือการได้แคดดี้คู่คิดคอยสนับสนุนในเวลาที่อยู่ในสถานการณ์แย่ๆ

“แคดดี้ก็สำคัญ เราไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ หากได้สภาพแวดล้อมหรือบัดดี้ดีๆ คอยซัพพอตมันก็จะไหลลื่นขึ้น”

 

เมื่อถามถึงเป้าหมายต่อจากนี้ไป ทั้งสองก็ยืนยันที่จะยังคงมุ่งมั่น ทุ่มเทให้กับกีฬากอล์ฟต่อไป หากไม่ได้เป็นนักกอล์ฟอาชีพอย่างน้อยก็จะได้มีส่วนช่วยโปรโมทวงการกอล์ฟให้เป็นที่นิยมและมีสีสันมากขึ้น

 

“จริงๆ ปีนี้ผมทำผลงานได้ไม่ดี อยู่ท้ายตารางตลอด แต่ในทุกเเมตช์ก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ มากมายที่จะนำกลับไปพัฒนาเพื่อเข้าใกล้คำว่า ‘โปร’ และสุดท้ายคงอยากเป็นนักกอล์ฟอาชีพให้ได้สักวันเพราะนี้คือความฝันและความตั้งใจของผมครับ” ปั้นจั่น กล่าว

 

ขณะที่ โอม ก็บอกว่า ความสุขในการเล่นกอล์ฟทำให้ตนเองก็จะยังเดินหน้าพยายามต่อไปเช่นกัน และก็ยังอยากมีส่วนในการช่วยสนับสนุนวงการกอล์ฟไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น

“จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็อยากเอาใจช่วยนักกอล์ฟไทยและสนับสนุนวงการกอล์ฟบ้านเราให้มีสีสันมากกว่านี้ ผมหวังว่าอย่างนั้นครับ”